กระดานข่าว อบต.เขาโร

ไม่ว่าจะเป็นสิวที่ขึ้นซ้ำซากหรือสิวที่เพิ่งหาย สิ่งที่หลายคนกังวลตามมาคือรอยดำ รอยแดง หรือแม้แต่จุดด่างที่ดูจางลงช้าเกินไป โดยเฉพาะเมื่อต้องแต่งหน้า หรือออกจากบ้านแบบหน้าสด การมองหาวิธีที่ได้ผลจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความงาม แต่เป็นเรื่องของความมั่นใจด้วย ซึ่งหนึ่งใน วิธีลดรอยสิวที่ตอบโจทย์ได้จริง (https://dskclinic.com/blog/dark-spots-and-redness-treatments/) ควรเริ่มจากความเข้าใจสภาพผิวเฉพาะตัว ไม่ใช่แค่เลือกครีมหรือเซรั่มตามรีวิว

รอยสิวจากสิวอุดตัน ต่างจากรอยสิวอักเสบอย่างไร?
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือการมองว่ารอยสิวเหมือนกันหมด ทั้งที่จริงแล้วรอยสิวมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รอยที่เกิดจากสิวอุดตันมักเป็นจุดดำเล็กๆ จากเม็ดสิวหัวปิดที่ถูกบีบหรือเกา ส่วนรอยสิวอักเสบจะทิ้งรอยแดงหรือแม้กระทั่งเป็นหลุมลึก เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกทำลายอย่างรุนแรง การดูแลจึงควรแยกแนวทาง เช่น รอยแดงอาจตอบสนองต่อการรักษาด้วยเลเซอร์ในขณะที่รอยดำสามารถใช้วิตามินซีหรือกรดผลไม้ช่วยได้ดีกว่า

สูตรผสมที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อรักษารอยสิว
แม้ว่าส่วนผสมอย่าง AHA, BHA, หรือเรตินอล จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและจางรอยสิวได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกสูตรจะเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีแนวโน้มเป็นผื่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกลับกลายเป็นทำให้รอยสิวลุกลามมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลายตัวพร้อมกันโดยไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และควรทดลองเฉพาะจุดก่อนเสมอเพื่อลดความเสี่ยง

โหมดกลางคืนคือโอกาสทองของการฟื้นฟูผิว
ช่วงเวลากลางคืนคือช่วงเวลาที่ผิวมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอลลาเจน การผลัดเซลล์ผิว หรือการลดการอักเสบ เพราะฉะนั้นการลงผลิตภัณฑ์ลดรอยสิวในตอนกลางคืนจึงได้ผลดีที่สุด ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมง่าย เพื่อไม่อุดตันรูขุมขน โดยเฉพาะถ้ามีการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องรอยสิว ที่มีส่วนผสมอย่างไนอาซินาไมด์หรืออัลฟ่าอาร์บูติน ควรเสริมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยล็อกการบำรุงให้อยู่กับผิวได้ตลอดคืน

(https://i.postimg.cc/26rJ0g5X/4.jpg)