ในยุคที่ผิวหน้าเผชิญกับทั้งมลภาวะ ความเครียด และอายุที่มากขึ้น การฟื้นฟูผิวด้วยวิธีดั้งเดิมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป หลายคนเริ่มมองหาแนวทางใหม่ที่ไม่เพียงแค่ดูแลผิวภายนอก แต่ยังสามารถกระตุ้นการฟื้นฟูจากระดับเซลล์ผิวได้จริง หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้รักการดูแลตัวเอง คือการใช้ Rejuran ที่เน้นการซ่อมแซมผิวจากภายใน (https://dskclinic.com/blog/rejuran-filler/) เพื่อคืนความแข็งแรงและยืดหยุ่นของผิวตามธรรมชาติ
ความแตกต่างที่แท้จริงของการฟื้นฟูผิวด้วย Polynucleotide (PN)
Rejuran มีจุดเด่นที่ต่างจากการดูแลผิวในแบบอื่น เพราะใช้ Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับ DNA ของมนุษย์ PN มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ลดการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ฉีดเข้าไป ผลลัพธ์คือผิวที่ดูสดใส เรียบเนียน และมีสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด การใช้ PN ยังช่วยเสริมการทำงานของโครงสร้างผิวในระยะยาว ต่างจากวิธีอื่นที่ให้ผลลัพธ์แบบชั่วคราวหรือเน้นเพียงการเติมเต็มผิวจากภายนอก
จุดที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกทำ Rejuran
แม้ Rejuran จะถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีงานวิจัยรองรับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้ารับบริการนี้ได้ทันที ปัจจัยที่ควรพิจารณา เช่น สภาพผิวเดิม ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และประวัติการแพ้สารบางประเภท โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีภาวะภูมิแพ้รุนแรงหรืออยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ หากใช้อย่างเหมาะสม การฟื้นฟูผิวด้วยแนวทางนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืนมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพียงอย่างเดียว
ความถี่ที่เหมาะสมในการเข้ารับบริการ
การฉีด Rejuran ไม่จำเป็นต้องทำถี่เหมือนกับทรีตเมนต์ผิวทั่วไป โดยปกติจะฉีดทุก 2–4 สัปดาห์ในช่วงแรก เพื่อกระตุ้นให้ผิวเริ่มกระบวนการฟื้นฟู จากนั้นสามารถเว้นช่วงห่างออกเป็นทุก 3–6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ การกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวไม่ถูกกระตุ้นมากเกินไปและยังมีเวลาปรับสมดุลตัวเองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อดีที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังมักแนะนำให้ใช้แนวทางนี้กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวแบบไม่ฝืนธรรมชาติของผิว
(https://i.postimg.cc/kgM01dS4/2.jpg)