กระดานข่าว อบต.เขาโร

หลายคนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งมักเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มเผชิญกับความเครียด ความเร่งรีบ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่อาจสะสมความเสี่ยงไว้โดยไม่รู้ตัว ทำให้ "ประกันโรคร้ายแรง" กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการจัดการกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (https://www.bangkoklife.com/online/th/product/sukparbsuksun) โดยเฉพาะโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงอย่างมะเร็งและโรคหัวใจ

ทำไมวัยทำงานควรเริ่มวางแผนเรื่องประกันโรคร้ายแรง?
สุขภาพดีในวันนี้ ไม่ได้การันตีอนาคต
แม้ว่าคนวัยทำงานจำนวนมากจะยังรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่โรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หรือโรคหัวใจ ไม่ได้แสดงอาการให้เห็นชัดเจนในระยะแรก การรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยหาวิธีรับมือ อาจหมายถึงต้นทุนทั้งด้านการเงินและเวลา ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและอนาคตได้โดยตรง
ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากวิถีชีวิตยุคใหม่
พฤติกรรมการทำงานที่เร่งรีบ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา พักผ่อนน้อย รวมถึงการอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว ซึ่งกลุ่มโรคร้ายแรงหลายชนิดมีจุดเริ่มต้นจากพฤติกรรมเหล่านี้ การมีประกันเฉพาะทางไว้ตั้งแต่ยังไม่เจ็บป่วย จึงเป็นกลยุทธ์ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว

ประกันโรคร้ายแรงคืออะไร? ครอบคลุมแค่ไหน?
เจาะลึกลักษณะการคุ้มครอง
โดยทั่วไปแล้ว ประกันโรคร้ายแรงคือแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคที่อยู่ในขอบเขตที่กำหนด เช่น มะเร็งระยะลุกลาม, กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน, โรคหลอดเลือดสมอง, ไตวายเรื้อรัง ฯลฯ เมื่อผู้เอาประกันได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าเป็นโรคตามข้อกำหนด กรมธรรม์จะจ่ายเงินก้อนให้ทันที โดยไม่ต้องรอให้สิ้นสุดการรักษา
ต่างจากประกันสุขภาพทั่วไปอย่างไร?
สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือประกันโรคร้ายแรงเน้น "การจ่ายเงินก้อน" ไม่ใช่การเบิกค่ารักษาแบบรายจ่าย เช่นเดียวกับประกันสุขภาพทั่วไป ซึ่งหมายความว่าเงินที่ได้รับสามารถนำไปใช้จ่ายได้อิสระ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาที่นอกเหนือจากกรมธรรม์ ค่าเดินทาง หรือค่าครองชีพระหว่างหยุดงาน การมีเงินก้อนตรงนี้จึงช่วยลดภาระทั้งในแง่การเงินและจิตใจได้พร้อมกัน


(https://i.postimg.cc/SKP3BMZD/6.jpg)