หลายคนที่เจอปัญหาสิวรอบปาก (https://www.mvitaclinic.com/acne-around-mouth/) มักสงสัยว่ามันเป็นสิวทั่วไปจากการอุดตันหรือเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมนกันแน่ เพราะตำแหน่งสิวสามารถบอกได้ถึงปัจจัยภายในร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต่างกัน หากเข้าใจลักษณะอาการที่แท้จริง จะช่วยให้เราดูแลรักษาได้อย่างตรงจุด ลดการกลับมาเป็นซ้ำ และฟื้นฟูสุขภาพผิวได้ยั่งยืน
ลักษณะอาการของสิวรอบปาก
จุดที่สิวมักขึ้น
สิวรอบปากมักเกิดขึ้นบริเวณเหนือริมฝีปาก มุมปาก หรือแนวคางเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดที่ผิวสัมผัสกับทั้งอาหาร เศษเครื่องสำอาง และเหงื่อจากการหายใจ จึงทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่าย
อาการที่พบ
สิวหัวขาวหรือสิวอุดตันเล็ก ๆ
สิวอักเสบเม็ดแดงที่กดแล้วเจ็บ
บางครั้งขึ้นซ้ำจุดเดิมแม้ทายาหรือกดออกไปแล้ว
สิวฮอร์โมนคืออะไร
ความเกี่ยวข้องกับร่างกาย
สิวฮอร์โมนเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ โดยเฉพาะแอนโดรเจนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ สิวลักษณะนี้มักพบในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน หรือผู้ที่มีความเครียดสะสม
อาการที่แตกต่าง
มักขึ้นบริเวณคาง กรอบหน้า และรอบปาก
เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ เจ็บลึก และมักทิ้งรอยหลังยุบ
มักเป็นซ้ำในรอบเดิม ๆ เช่นก่อนมีประจำเดือน
วิธีสังเกตความต่างระหว่างสิวรอบปากกับสิวฮอร์โมน
สิวรอบปากทั่วไป
เกิดจากการสัมผัสสิ่งสกปรก การแพ้ยาสีฟัน หรือการสะสมของคราบอาหาร
มักเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ และหายเร็วหากดูแลความสะอาด
สิวฮอร์โมน
เกิดเป็นรอบ ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
มักเป็นสิวอักเสบที่รักษายากและทิ้งรอยได้ง่าย
แนวทางดูแลและรักษา
สิวรอบปาก
เลือกยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์สูงเกินไป
เช็ดทำความสะอาดปากหลังรับประทานอาหาร
เลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่ทำให้ระคายเคือง
สิวฮอร์โมน
ปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาคุมฮอร์โมนหรือยาปรับสมดุล
ใช้ยาเฉพาะที่ เช่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ หรือเรตินอยด์
ลดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
สรุป
การแยกความแตกต่างระหว่าง สิวรอบปาก และสิวฮอร์โมนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสาเหตุและแนวทางรักษาไม่เหมือนกัน หากเป็นสิวทั่วไป การดูแลความสะอาดและเลี่ยงสิ่งกระตุ้นก็ช่วยให้หายได้เร็ว แต่ถ้าเป็นสิวฮอร์โมน อาจต้องรักษาจากภายในและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง การสังเกตอาการอย่างละเอียดจึงช่วยให้เราดูแลผิวได้ตรงจุดและมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นในระยะยาว
(https://i.postimg.cc/g0YsJk78/9.jpg)