กระดานข่าว อบต.เขาโร

หมวดหมู่ทั่วไป => สารสัมพันธ์เขาโร => หัวข้อที่ตั้งโดย: Friendfries เมื่อ ก.ย 22, 2025, 07:49 หลังเที่ยง

ชื่อ: สิวรอบปากกับสิวฮอร์โมน: อาการแบบไหนใช่? และต่างกันอย่างไร?
โดย: Friendfries เมื่อ ก.ย 22, 2025, 07:49 หลังเที่ยง
หลายคนที่เจอปัญหาสิวรอบปาก (https://www.mvitaclinic.com/acne-around-mouth/) มักสงสัยว่ามันเป็นสิวทั่วไปจากการอุดตันหรือเป็นสิวที่เกิดจากฮอร์โมนกันแน่ เพราะตำแหน่งสิวสามารถบอกได้ถึงปัจจัยภายในร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต่างกัน หากเข้าใจลักษณะอาการที่แท้จริง จะช่วยให้เราดูแลรักษาได้อย่างตรงจุด ลดการกลับมาเป็นซ้ำ และฟื้นฟูสุขภาพผิวได้ยั่งยืน

ลักษณะอาการของสิวรอบปาก
จุดที่สิวมักขึ้น
สิวรอบปากมักเกิดขึ้นบริเวณเหนือริมฝีปาก มุมปาก หรือแนวคางเล็กน้อย ซึ่งเป็นจุดที่ผิวสัมผัสกับทั้งอาหาร เศษเครื่องสำอาง และเหงื่อจากการหายใจ จึงทำให้รูขุมขนอุดตันได้ง่าย
อาการที่พบ
สิวหัวขาวหรือสิวอุดตันเล็ก ๆ


สิวอักเสบเม็ดแดงที่กดแล้วเจ็บ


บางครั้งขึ้นซ้ำจุดเดิมแม้ทายาหรือกดออกไปแล้ว



สิวฮอร์โมนคืออะไร
ความเกี่ยวข้องกับร่างกาย
สิวฮอร์โมนเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ โดยเฉพาะแอนโดรเจนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดการอักเสบ สิวลักษณะนี้มักพบในช่วงวัยรุ่น ผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน หรือผู้ที่มีความเครียดสะสม
อาการที่แตกต่าง
มักขึ้นบริเวณคาง กรอบหน้า และรอบปาก


เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่ เจ็บลึก และมักทิ้งรอยหลังยุบ


มักเป็นซ้ำในรอบเดิม ๆ เช่นก่อนมีประจำเดือน



วิธีสังเกตความต่างระหว่างสิวรอบปากกับสิวฮอร์โมน
สิวรอบปากทั่วไป
เกิดจากการสัมผัสสิ่งสกปรก การแพ้ยาสีฟัน หรือการสะสมของคราบอาหาร


มักเป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ และหายเร็วหากดูแลความสะอาด


สิวฮอร์โมน
เกิดเป็นรอบ ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย


มักเป็นสิวอักเสบที่รักษายากและทิ้งรอยได้ง่าย



แนวทางดูแลและรักษา
สิวรอบปาก
เลือกยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์สูงเกินไป


เช็ดทำความสะอาดปากหลังรับประทานอาหาร


เลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่ทำให้ระคายเคือง


สิวฮอร์โมน
ปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ยาคุมฮอร์โมนหรือยาปรับสมดุล


ใช้ยาเฉพาะที่ เช่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ หรือเรตินอยด์


ลดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ


สรุป
การแยกความแตกต่างระหว่าง สิวรอบปาก และสิวฮอร์โมนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสาเหตุและแนวทางรักษาไม่เหมือนกัน หากเป็นสิวทั่วไป การดูแลความสะอาดและเลี่ยงสิ่งกระตุ้นก็ช่วยให้หายได้เร็ว แต่ถ้าเป็นสิวฮอร์โมน อาจต้องรักษาจากภายในและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง การสังเกตอาการอย่างละเอียดจึงช่วยให้เราดูแลผิวได้ตรงจุดและมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นในระยะยาว

(https://i.postimg.cc/g0YsJk78/9.jpg)