กระดานข่าว อบต.เขาโร

(https://i.postimg.cc/cCNFxQMQ/5.jpg)

การเผชิญกับหน้าหย่อนคล้อย (https://drbeamfacialplastic.com/news-amp-blog/sagging-face/) อาจทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ เพราะเมื่อผิวเริ่มหย่อน เส้นกรอบหน้าไม่ชัด ร่องแก้มเริ่มลึก หรือแก้มเริ่มตก ความรู้สึกอยากกลับไปมีใบหน้าที่เต่งตึงเรียวสวยจึงเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งนี้การยอมรับและจัดการกับปัญหาผิวตั้งแต่เนิ่นๆ ร่วมกับการเลือกวิธีที่เหมาะสมสามารถช่วยให้การฟื้นฟูมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มสังเกตเห็น หรือมือโปรที่ต้องการรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด

สาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย
การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ผิวจึงค่อยๆ สูญเสียความยืดหยุ่น ขาดการรองรับ ส่งผลให้โครงสร้างใบหน้าอาจคล้อยลงโดยเฉพาะบริเวณแก้ม ร่องแก้ม มุมกราม และเหนียง
แรงโน้มถ่วงและพฤติกรรมการใช้ชีวิต
แรงโน้มถ่วงรวมถึงการนอนตะแคง การไม่ใส่ใจท่าเมื่อใช้มือถือ‑คอมพิวเตอร์ หรือการเคี้ยวของแข็งซ้ำๆ สามารถเพิ่มภาระให้กับโครงสร้างผิว ริ้วรอยและผิวหย่อนเกิดได้เร็วขึ้น
รังสี UV มลภาวะ และการไฮเดรชั่นที่ไม่เพียงพอ
แสงแดด มลภาวะในอากาศ และการดื่มน้ำน้อย หรือไม่บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย และผิวขาดสารอาหารที่สำคัญ จึงทำให้หน้าหย่อนคล้อยเกิดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

เคล็ดลับเฉพาะจุดที่มือโปรมักใช้
เทคนิคร้อยไหมแบบใหม่
การร้อยไหมที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจง เช่น ไหมละลายหรือไหมที่มีการกระตุ้นคอลลาเจนรอบเส้นไหม สามารถช่วยยกกระชับและปรับกรอบหน้า รวมทั้งลดเหนียงได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
โยคะหน้าและการฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะจุด
ท่าบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การเปิดปากกว้าง‑ยิ้มให้ลึก หรือการยกคิ้วและขมับ ร่วมกับการนวดเบาๆ บริเวณกรอบหน้าและแก้ม จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเสริมความแข็งแรงของผิว
การใช้แสง LED และเลเซอร์ฟื้นฟู
แสง LED และเลเซอร์ที่เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เช่น เลเซอร์ fracionated หรือเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานแบบไม่ร้อนจัด เพื่อช่วยลดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และปรับสีผิวให้เรียบเนียน