• Welcome to กระดานข่าว อบต.เขาโร.
 
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Issara

#1
ทำไมเสียงต้นฉบับถึงสร้างประสบการณ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
อนิเมะซับไทย นี่มันเหมือนการได้ฟังเสียงต้นฉบับที่แท้จริงของตัวละครเลยนะ อย่างเช่นที่ anime-suba คือพอดูแบบซับไทย มันทำให้เราได้สัมผัสอารมณ์ของนักพากย์ญี่ปุ่นโดยตรง ทั้งเสียงตะโกน เสียงกระซิบ น้ำเสียงเศร้า เสียงหัวเราะ มันคืออารมณ์ที่เขาใส่มาเต็มร้อย และเราก็รับมันมาแบบไม่มีกรอง ไม่ถูกเปลี่ยน ไม่ถูกตีความใหม่ตามสไตล์พากย์บ้านเรา มันเหมือนกับการดูศิลปะต้นฉบับที่ไม่ได้ถูกดัดแปลง อารมณ์แบบนั้นแหละ คือบางทีเนื้อเรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรหรอก แต่แค่ได้ยินเสียงญี่ปุ่นแท้ ๆ มันก็ช่วยเพิ่มความอินขึ้นเยอะ อย่างเวลาเขาเรียกชื่อกัน หรือมีคำเฉพาะทางที่คนญี่ปุ่นใช้กันจริง ๆ อย่าง "onii-chan", "senpai", "baka" หรือแม้แต่คำหยาบที่เขาใช้กันนุ่มนวลแต่แทงใจดำ เราก็ยังได้ยินหมด มันช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรมเขามากขึ้นด้วยนะ ไม่ใช่แค่ดูเอามันส์อย่างเดียว แต่เราเรียนรู้วิธีคิด วิธีพูดของคนญี่ปุ่นผ่านการดูไปด้วยแบบเนียน ๆ ไม่รู้ตัว และอีกอย่าง ซับไทยมันช่วยฝึกภาษาอย่างโคตรดีเลยนะ คือถึงจะไม่ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงจัง แต่ดูไปเรื่อย ๆ มันก็เริ่มจับทางได้ จำได้ว่า "arigatou" แปลว่าขอบคุณ "hai" แปลว่าใช่ "iie" แปลว่าไม่ แล้วพอดูเรื่องอื่นที่ใช้คำพวกนี้อีก มันก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปในสมองเรื่อย ๆ เหมือนเรียนแบบซึมซับด้วยอารมณ์ ไม่ต้องเปิดหนังสือเรียนให้ปวดหัว มันโคตรจะสบายแต่มันก็ได้ผลจริง
อีกมุมนึงที่คนไม่ค่อยพูดถึงคือ เวลาเราดูซับไทย เราได้พัฒนาทักษะการอ่านแบบไม่รู้ตัว คือบางเรื่องคำมันมาเร็วมาก เราต้องอ่านให้ทันเพื่อไม่ให้พลาดเนื้อเรื่อง มันเลยฝึกให้เราอ่านเร็วขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ต้องฝึกแยก เพราะถ้าอ่านไม่ทันคือหลุดจากเรื่องเลย แล้วพอดูหลายเรื่องเข้า เราก็เริ่มปรับตัวได้ อ่านทันบ้าง อ่านล่วงหน้าบ้าง กลายเป็นการฝึกสมาธิและสายตาไปในตัวด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือการที่ดูซับไทย มันให้ความรู้สึก "ของจริง" มากกว่า คือเราไม่ได้ดูแค่เนื้อเรื่อง แต่เราเสพงานต้นฉบับแบบเต็ม ๆ อย่างคนญี่ปุ่นตั้งใจจะส่งต่อให้ผู้ชมทั่วโลก มันเป็นเหมือนการให้เกียรติคนสร้างอนิเมะด้วยแหละ เรารับมันในแบบที่เขาตั้งใจสื่อ เราไม่ได้เปลี่ยนเสียง ไม่เปลี่ยนวิธีพูด ไม่ตัดบางคำที่อาจโดนเซ็นเซอร์ไปในเวอร์ชันพากย์ไทย มันเหมือนเราดูงานต้นแบบไม่ผ่านการฟอกหรือแต่งใหม่ แล้วพูดกันตรง ๆ นะ คนที่ดูซับไทยเยอะ ๆ ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ เพราะพวกนี้จะรู้ลึกกว่า แค่เสียงตัวละครก็บอกได้เลยว่าใครพากย์ รู้หมดว่าผู้กำกับคนไหนชอบใช้คำพูดแนวไหน นักพากย์คนนี้แสดงอารมณ์ได้โหดขนาดไหน บางคนถึงขั้นจำชื่อเพลงเปิด เพลงจบ หรือรู้ประวัติทีมทำงานเลยด้วยซ้ำ เพราะพอดูแบบซับ มันเหมือนเราได้เดินทางเข้าไปในโลกของอนิเมะแบบไม่มีกรอบ ไม่มีหน้ากาก จะบอกว่าอนิเมะซับไทยมันไม่ได้แค่สนุก แต่มันลึก มันจริง มันเต็ม และมันทำให้เราโตขึ้นในแบบที่เราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คนที่ไม่เคยดูซับไทยอาจไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก แต่ถ้าเคยลองจริง ๆ ซักเรื่อง รับรองจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกเลย มันคือประสบการณ์ที่ติดใจแบบถอนตัวยากมาก แล้วก็ดีด้วยนะ เพราะเราได้ทั้งความสนุก ความรู้ แล้วก็ความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบเดียวกับคนที่สร้างเรื่องนั้นขึ้นมาอย่างแท้จริง.
#2
ประสบการณ์ตรงที่เสียงต้นฉบับเปลี่ยนโลกอนิเมะให้ลึกขึ้น
อนิเมะซับไทย นี่มันเหมือนการได้ฟังเสียงต้นฉบับที่แท้จริงของตัวละครเลยนะ อย่างเช่นที่ anime-suba คือพอดูแบบซับไทย มันทำให้เราได้สัมผัสอารมณ์ของนักพากย์ญี่ปุ่นโดยตรง ทั้งเสียงตะโกน เสียงกระซิบ น้ำเสียงเศร้า เสียงหัวเราะ มันคืออารมณ์ที่เขาใส่มาเต็มร้อย และเราก็รับมันมาแบบไม่มีกรอง ไม่ถูกเปลี่ยน ไม่ถูกตีความใหม่ตามสไตล์พากย์บ้านเรา มันเหมือนกับการดูศิลปะต้นฉบับที่ไม่ได้ถูกดัดแปลง อารมณ์แบบนั้นแหละ คือบางทีเนื้อเรื่องมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรหรอก แต่แค่ได้ยินเสียงญี่ปุ่นแท้ ๆ มันก็ช่วยเพิ่มความอินขึ้นเยอะ อย่างเวลาเขาเรียกชื่อกัน หรือมีคำเฉพาะทางที่คนญี่ปุ่นใช้กันจริง ๆ อย่าง "onii-chan", "senpai", "baka" หรือแม้แต่คำหยาบที่เขาใช้กันนุ่มนวลแต่แทงใจดำ เราก็ยังได้ยินหมด มันช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรมเขามากขึ้นด้วยนะ ไม่ใช่แค่ดูเอามันส์อย่างเดียว แต่เราเรียนรู้วิธีคิด วิธีพูดของคนญี่ปุ่นผ่านการดูไปด้วยแบบเนียน ๆ ไม่รู้ตัว และอีกอย่าง ซับไทยมันช่วยฝึกภาษาอย่างโคตรดีเลยนะ คือถึงจะไม่ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงจัง แต่ดูไปเรื่อย ๆ มันก็เริ่มจับทางได้ จำได้ว่า "arigatou" แปลว่าขอบคุณ "hai" แปลว่าใช่ "iie" แปลว่าไม่ แล้วพอดูเรื่องอื่นที่ใช้คำพวกนี้อีก มันก็ยิ่งตอกย้ำเข้าไปในสมองเรื่อย ๆ เหมือนเรียนแบบซึมซับด้วยอารมณ์ ไม่ต้องเปิดหนังสือเรียนให้ปวดหัว มันโคตรจะสบายแต่มันก็ได้ผลจริง
อีกมุมนึงที่คนไม่ค่อยพูดถึงคือ เวลาเราดูซับไทย เราได้พัฒนาทักษะการอ่านแบบไม่รู้ตัว คือบางเรื่องคำมันมาเร็วมาก เราต้องอ่านให้ทันเพื่อไม่ให้พลาดเนื้อเรื่อง มันเลยฝึกให้เราอ่านเร็วขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ต้องฝึกแยก เพราะถ้าอ่านไม่ทันคือหลุดจากเรื่องเลย แล้วพอดูหลายเรื่องเข้า เราก็เริ่มปรับตัวได้ อ่านทันบ้าง อ่านล่วงหน้าบ้าง กลายเป็นการฝึกสมาธิและสายตาไปในตัวด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือการที่ดูซับไทย มันให้ความรู้สึก "ของจริง" มากกว่า คือเราไม่ได้ดูแค่เนื้อเรื่อง แต่เราเสพงานต้นฉบับแบบเต็ม ๆ อย่างคนญี่ปุ่นตั้งใจจะส่งต่อให้ผู้ชมทั่วโลก มันเป็นเหมือนการให้เกียรติคนสร้างอนิเมะด้วยแหละ เรารับมันในแบบที่เขาตั้งใจสื่อ เราไม่ได้เปลี่ยนเสียง ไม่เปลี่ยนวิธีพูด ไม่ตัดบางคำที่อาจโดนเซ็นเซอร์ไปในเวอร์ชันพากย์ไทย มันเหมือนเราดูงานต้นแบบไม่ผ่านการฟอกหรือแต่งใหม่ แล้วพูดกันตรง ๆ นะ คนที่ดูซับไทยเยอะ ๆ ส่วนใหญ่จะกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ เพราะพวกนี้จะรู้ลึกกว่า แค่เสียงตัวละครก็บอกได้เลยว่าใครพากย์ รู้หมดว่าผู้กำกับคนไหนชอบใช้คำพูดแนวไหน นักพากย์คนนี้แสดงอารมณ์ได้โหดขนาดไหน บางคนถึงขั้นจำชื่อเพลงเปิด เพลงจบ หรือรู้ประวัติทีมทำงานเลยด้วยซ้ำ เพราะพอดูแบบซับ มันเหมือนเราได้เดินทางเข้าไปในโลกของอนิเมะแบบไม่มีกรอบ ไม่มีหน้ากาก จะบอกว่าอนิเมะซับไทยมันไม่ได้แค่สนุก แต่มันลึก มันจริง มันเต็ม และมันทำให้เราโตขึ้นในแบบที่เราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ คนที่ไม่เคยดูซับไทยอาจไม่เข้าใจความรู้สึกนี้หรอก แต่ถ้าเคยลองจริง ๆ ซักเรื่อง รับรองจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกเลย มันคือประสบการณ์ที่ติดใจแบบถอนตัวยากมาก แล้วก็ดีด้วยนะ เพราะเราได้ทั้งความสนุก ความรู้ แล้วก็ความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบเดียวกับคนที่สร้างเรื่องนั้นขึ้นมาอย่างแท้จริง.