• Welcome to กระดานข่าว อบต.เขาโร.
 

กู้ร่วมกับใครได้บ้าง คู่มือฉบับเต็มสำหรับผู้ต้องการซื้อบ้าน

เริ่มโดย Friendfries, ส.ค 09, 2025, 03:16 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Friendfries

สำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อบ้านแต่รายได้ยังไม่เพียงพอ การกู้ร่วมจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน คำถามสำคัญที่ตามมาคือ "กู้ร่วมกับใครได้บ้าง" เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถยื่นขอกู้ร่วมกับธนาคารได้ การเข้าใจเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาผู้กู้ร่วมจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่าผู้ที่สามารถกู้ร่วมได้มีใครบ้าง มีข้อดี ข้อเสีย หรือข้อควรระวังอะไร และควรวางแผนอย่างไรให้การกู้ร่วมเกิดประโยชน์สูงสุด

ความหมายและหลักการของการกู้ร่วม
การกู้ร่วมคือการที่บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปยื่นคำขอกู้เงินร่วมกันกับสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติวงเงิน โดยธนาคารจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ทุกคนรวมกัน ไม่ใช่แค่เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่มากพอ หรือผู้ที่มีภาระหนี้สูงแต่ยังมีศักยภาพในการผ่อนชำระร่วมกับผู้อื่น หลักการสำคัญคือทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินร่วมกันเต็มจำนวน ซึ่งหมายความว่า หากคนใดคนหนึ่งผิดนัดชำระ อีกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบแทนโดยปริยาย การกู้ร่วมจึงต้องมีความเชื่อใจและมีแผนทางการเงินที่รัดกุม

ประเภทของความสัมพันธ์ที่สามารถกู้ร่วมได้
ผู้ที่สามารถยื่นกู้ร่วมกันได้ตามหลักเกณฑ์ธนาคารส่วนใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ชัดเจน เช่น คู่สมรสตามกฎหมาย ญาติสายตรง (พ่อแม่ ลูก พี่น้องแท้ๆ) หรือในบางกรณีอาจอนุโลมให้คู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสสามารถกู้ร่วมได้ หากสามารถแสดงหลักฐานความสัมพันธ์ได้ชัดเจน เช่น อยู่ร่วมบ้าน มีบัญชีเงินฝากร่วม หรือวางเงินดาวน์ร่วมกัน ทั้งนี้ความยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร เช่น หากคุณอยู่ในสถานะเป็นแฟนและกำลังวางแผนซื้อบ้านด้วยกัน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่อธิบายเรื่องการซื้อบ้านกับแฟนได้อย่างชัดเจน ธนาคารจะพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป โดยเน้นความสามารถในการผ่อนและความมั่นคงของความสัมพันธ์ประกอบกัน
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกู้ร่วม
หลายคนอาจเข้าใจว่าการกู้ร่วมทำให้สามารถซื้อบ้านได้ง่ายขึ้นเสมอ ซึ่งไม่เป็นความจริงในทุกกรณี หากผู้ร่วมกู้มีประวัติเครดิตไม่ดี หรือมีหนี้สินเดิมอยู่จำนวนมาก ก็อาจกลายเป็นอุปสรรคในการอนุมัติสินเชื่อได้เช่นกัน อีกประเด็นที่คนมักเข้าใจผิดคือ คิดว่าการกู้ร่วมจะไม่มีผลกระทบหากเลิกรากันในอนาคต แต่ความจริงแล้วหนี้สินจะยังคงติดอยู่กับทุกฝ่ายจนกว่าจะมีการผ่อนหมดหรือโอนหนี้ใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อพิพาทในอนาคตได้หากไม่มีข้อตกลงชัดเจนตั้งแต่ต้น ดังนั้น การทำสัญญาและพูดคุยกันให้เข้าใจถึงความรับผิดชอบจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการคำนวณรายได้